กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิจารณ์สนั่นเลยละค่ะ สำหรับ กรณีที่ ‘นายศรีสุวรรณ จรรยา’ นำหลักฐานคำร้องส่งสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติและมหาเถรสมาคมฯ ขอให้มีการตรวจสอบและเอาผิด “ภิกษุณีสุทัสสนา” หรือที่รู้จักกันในนาม “หมอปลาย พรายกระซิบ”
หลังมีการออกมาขายสบู่ที่มีสรรพคุณคล้ายกับการอาบน้ำมนต์ ไม่ว่าจะช่วยเสริมดวง หรือสามารถชำระล้างอวิชชาและคุณไสย รวมถึงขับไล่ภูตผีได้ด้วย เพราะเรื่องนี้หลายคนก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกันและมองว่าไม่ควรหากินแบบนี้
ล่าสุด ภิกษุณีสุทัสสนาก็ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว โดยเปิดใจว่า….ขายสบู่จริง ที่ประเทศศรีลังกา ส่วนเหตุผลนั้นเป็นเพราะว่าหลังจากที่ประเทศล่มสลาย ก็ไม่มีอาหาร ไม่มีรถ ไม่มีน้ำมัน ซึ่งภิกษุและภิกษุณีที่ศรีลังกาไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนพระไทย
เพราะพระสามารถเป็น ส.ส.ได้ เมื่อประเทศลำบาก ประชาชนไม่มีที่พึ่ง วัดจึงเป็นที่พึ่งเดียวของประชาชน และเล่าต่อว่าตอนไปอยู่วัดที่ศรีลังกา ลำบากมาก ไม่มีอาหารฉัน ต้องไปขุดมันสำปะหลังกิน ไฟฟ้าดับหลายชั่วโมง
ตนจึงปรึกษาเจ้าอาวาสว่าวัดที่ประเทศไทยมีการขายวัตถุมงคลเพื่อหาเงินมาบำรุงศาสนา ตนจึงคิดนำสบู่มาขาย ซึ่งเป็นของที่มีมา 10 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาทำ เจ้าอาวาสก็อนุญาตเพื่อจะได้นำเงินมาช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤต
ซึ่งทุกครั้งที่ไลฟ์ขายสบู่ ไม่มีการบังคับให้ซื้อ ไม่ได้ให้ช่วยฟรีแต่มีของแลกเปลี่ยน และยังยืนยันว่าขายสบู่ก้อนละ 129 บาทเท่านั้น ไม่ใช่ 199 บาท
ซึ่งก็กราบขอโทษคณะสงฆ์และภิกษุณีของไทย พร้อมกับยอมรับว่าคิดสั้น และประมาทที่ไม่ได้ปรึกษาคณะสงฆ์ไทย รู้สึกผิดที่ทำให้เสื่อมเสีย แต่ที่ทำไปเพื่อตั้งใจจะให้วัดศรีลังกามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเท่านั้นเอง
งานนี้ภิกษุณีสุทัสสนาก็ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว โดยมีเจตนาแค่อยากจะช่วยเหลือและทำให้ความเป็นอยู่ที่วัดศรีลังกาดีขึ้นเท่านั้น แต่ก็ประมาทที่ไม่ได้ปรึกษาคณะสงฆ์ไทยก่อน
ว่าเรื่องแบบนี้สามารถทำได้หรือเปล่า ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนแล้วละค่ะ เพราะบางคนก็มองว่าที่อื่นก็มีการขายวัตถุมงคลกัน ในขณะที่อีกหลายคนก็มองว่าไม่ควรหากินกับผ้าเหลืองทุกชนิด
ขอบคุณข้อมูล : Plai Navaracha หมอปลาย พรายกระซิบ